แชร์

ทรายแมว, มันสำปะหลัง, ไซยาไนด์ (Cassava, Cat Litter, Cyanide)

อัพเดทล่าสุด: 17 ต.ค. 2025
16 ผู้เข้าชม

ทรายแมว, มันสำปะหลัง, ไซยาไนด์ (Cassava, Cat Litter, Cyanide)

มันสำปะหลัง (Cassava) เป็นพืชหัวที่มีการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและมีความทนทานสูงในเขตภูมิอากาศเขตร้อน อย่างไรก็ตาม กากเหลือจากการแปรรูปมันสำปะหลัง เช่น เปลือก ใบ ราก มีสารประกอบ ไซยาโนเจนิก ไกลโคไซด์ (Cyanogenic Glycosides) เมื่อมีการรับประทานสารปะปนเหล่านี้เข้าไป จะถูกย่อยแล้วสร้างสารไซยาไนด์ (Cyanide) ออกมา และ Cyanide ที่เป็นปัญหาของ ประเทศไทยเรา คือมันสำปะหลังดิบซึ่งมีสาร Amygdalin เมื่อรับประทานจะถูกน้ำย่อย ของระบบทางเดิน อาหารเปลี่ยนเป็นสารไซยาไนด์ได้ (ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี, 1995) ซึ่งส่วนใหญ่คือ ลินามาริน (Linamarin) และ ลอทออสตรัลลิน (Lotaustralin) สารเหล่านี้สามารถปลดปล่อย ไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogen Cyanide: HCN) ที่เป็นพิษได้เมื่อเกิดการไฮโดรไลซิส (Hydrolysis) งานวิจัยทบทวนนี้ได้รวบรวมวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์จากสถาบันที่น่าเชื่อถือ เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University), สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เพื่อแจกแจงองค์ประกอบของมันสำปะหลัง, กระบวนการลดพิษ (Detoxification), และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ ผลพลอยได้ของมันสำปะหลัง (Risks from By-Products) ที่ถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ 'ทรายแมวมันสำปะหลัง' 'ทรายมันเต้า' ซึ่งหากพบว่าผู้ผลิตไม่สามารถชี้แจงและให้ข้อมูลเชิงประจักษ์ เช่น วัตถุดิบมีเปลือก ใบ ราก ของมันสำปะหลังปนหรือไม่ ปริมาณเท่าไหร่ หรือมีขั้นตอนผลิตที่ไม่ได้ใช้ความร้อนและเวลาที่เหมาะสม หรือแปรรูปที่ไม่ถูกต้อง ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงระดับไซยาไนด์ที่เป็นพิษตกค้าง ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งในสัตว์เลี้ยงและมนุษย์ ผ่านการสูดดม (inhalation), การสัมผัส (contact), หรือการกลืนกิน (ingestion) ผู้บริโภคสามารถขอข้อมูลที่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์จากผู้ผลิตเพื่อพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อบริโภค


1. บทนำ (Introduction)
 
มันสำปะหลัง (Cassava) เป็นอาหารหลักสำหรับประชากรโลกกว่า 800 ล้านคน แม้จะมีความสำคัญทางโภชนาการ แต่ส่วนราก, ใบ และเปลือกของมันสำปะหลังตามธรรมชาติมีสารประกอบไซยาโนเจนิก ไกลโคไซด์ ซึ่งเป็นสารที่สามารถปล่อยไฮโดรเจนไซยาไนด์ (HCN) ซึ่งเป็นสารพิษร้ายแรงออกมาได้ (FAO, 2013) ความเข้มข้นของไซยาไนด์ (Cyanide Concentration) จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพันธุ์มันสำปะหลัง, วิธีการแปรรูป, และสภาวะแวดล้อม แม้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกากเหลือจากการแปรรูปมันสำปะหลังโดยส่วนมากนำเสนอหรือโฆษณาว่าเป็นผลิตภัณฑ์ 'ธรรมชาติ (Natural)' หรือ 'ออร์แกนิค (Organic)' แต่การแปรรูปที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้มีปริมาณไซยาไนด์ตกค้างสูงกว่า เกณฑ์ที่ปลอดภัย (safe thresholds) (Cardoso et al., 2005) ประเด็นนี้ได้ขยายไปสู่การประยุกต์ใช้ที่ไม่ใช่อาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์ทรายแมวมันสำปะหลัง ทรายมันเต้า (มันสำปะหลังผสมเต้าหู้) ซึ่งอาจมีการนำผลพลอยได้จากมันสำปะหลังมาใช้ใหม่โดยไม่มีระเบียบวิธีมาตรฐานในการลดพิษ (Standardized Detoxification Protocols) เช่น ใช้ส่วนของเปลือก ใบ ลำต้น หรือ ราก หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคควรยึดข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์จากผู้ผลิตในการพิจารณาก่อนตัดสินใจบริโภค
.
 
2. วิธีการศึกษา (Methods)
 
บทความนี้ใช้ข้อมูลโดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่มรการทำศึกษาและวิจัยเชิงสถิติทางวิทยาศาสตร์ เช่น PubMed, ScienceDirect และ Google Scholar โดยให้ความสำคัญกับงานวิจัยที่ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, NIH และ FAO มีการวิเคราะห์จากวิจัยและการศึกษาทั้งหมด 45 งาน ในช่วงปี พ.ศ. 2533-2567 โดยมุ่งเน้นที่การลดพิษของมันสำปะหลังอย่างถูกต้อง, จลนศาสตร์การย่อยสลายของสารประกอบไซยาโนเจนิก (Cyanogenic Compound Degradation Kinetics) และ เกณฑ์ความเป็นพิษ (Toxicity Thresholds) มีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อประเมินประสิทธิผลของการลดปริมาณไซยาไนด์จากวิธีการแปรรูปต่าง ๆ ได้แก่ การต้ม, การหมัก, การแช่, การอบแห้ง, และการคั่ว
.

3. การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review)
 
สารไซยาโนเจนิกในมันสำปะหลัง ได้แก่ ลินามาริน (93%) และโลทาแซราลิน (7%) ซึ่งจะถูกไฮโดรไลซ์โดยเอนไซม์ลินามาเรส (linamarase) เมื่อเซลล์ถูกทำลาย (FAO, 2001) รากสดของมันสำปะหลังสามารถมี HCN ระหว่าง 15-400 mg/kg น้ำหนักสด ขึ้นกับพันธุ์ (Montagnac et al., 2009) องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าค่า HCN ในอาหารไม่ควรเกิน 10 mg/kg (WHO, 2012)

การปรุงสุกและลดสารพิษ:

การต้มรากมันสำปะหลัง 25-30 นาที สามารถลดสารไซยาไนด์ได้ 85-95%

การคั่วราก 15-20 นาที ลดสารได้ 80-90%

การหมัก 72 ชั่วโมง ลดสารได้ถึง 98%

การตากแดดเพียงอย่างเดียว ลดได้เพียง 30-40% (Cardoso et al., 2005; Ernesto et al., 2000)
.
วิธีการแปรรูป (Processing Method)


 .
4. กากเหลือจากการแปรรูปมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ทรายแมว (Cassava By-products and Cat Litter)
 .

ทรายแมวมันสำปะหลัง ทรายมันเต้า ที่น้องแมวใช้อยู่ มีสารไซยาโนเจนิกปนเปื้อนในระดับที่ปลอดภัยหรือไม่??
กากเหลือจากการแปรรูป มันสำปะหลัง เช่น เปลือก (Peel), ใบ (Leaves), ราก (Root) และเนื้อเยื่อเส้นใย (Fibrous Pulp) ถูกนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทรายแมวที่มุ่งเน้นผลเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Biodegradability) และมีต้นทุนต่ำมาก หากผู้ผลิตมุ่งเน้นแต่ยอดขายเลือกใช้ความร้อนต่ำในการผลิตเพื่อเน้นให้ได้ปริมาณผลิตภัณฑ์จำหน่ายในปริมาณเยอะ แต่สารไซยาโนเจนิกอาจยังคงอยู่ในปริมาณอันตรายหากไม่ได้ผ่านด้วยความร้อนหรือหมักในเวลาและอุณหภูมิที่ถูกต้อง อาจก่อความเสี่ยงต่อสุขภาพน้องแมวและเจ้าของตามลำดับ  (NIH, 2021) การสูดดม การสัมผัสทางผิวหนัง หรือการกินโดยไม่ตั้งใจอาจเกิดความเป็นพิษเรื้อรังต่อสัตว์และมนุษย์ การนำเสนอขายหรือโฆษณาว่า ออร์แกนิค (Organic) แค่มิติเดียว อาจไม่หมายความว่าผลิตปลอดภัยหากมีการสัมผัส สูดดม ในระยะสั้นและยาว การตรวจวัดไฮโดรเจนไซยาไนด์ (HCN) ตั้งแต่ก่อนและหลังผลิต จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ผู้ผลิตต้องทำการส่งตรวจสอบกับห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) สำหรับทุกๆการผลิตเพื่อพร้อมชี้แจงให้ผู้บริโภคทราบ หากมีการร้องข้อมูลเพื่อพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ
.
การตลาดที่สื่อสารให้ผู้บริโภคทราบโดยมีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นเฉพาะการขาย อาจทำให้ผู้บริโภคมีภาพจำมิติเดียวว่า ผลิตภัณฑ์ทรายแมวจากมันสำปะหลังที่วัตถุดิบเป็น 'ออร์แกนิค (Organic)' หรือ 'ธรรมชาติ (Natural)' นั้น ปลอดภัยเพียงพอ โดยไม่แจ้งให้ผู้บริโภคทราบองค์รวมว่าวัตถุดิบที่ใช้มีกระบวนการวิธีการกำจัดสารตกค้างไซยาไนด์ (Cyanide Residues) หรือไม่? แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบตรวจหรือทดลองมาตรฐานการผลิตว่ามีสารปนเปื้อนสารไซยาไนด์จากทรายแมวมันสำปะหลังโดยตรง อย่างไรก็ตามผู้ผลิตควรคำนึงความรับผิดชอบในการสื่อสารเชิงความรู้องค์รวม(System Thinking) ให้ผู้บริโภคทราบอย่างชัดเจนและจริงใจ ซึ่งจะส่งผลสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจของผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์สินค้าว่ามีมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ผู้บริโภคเองสามารถวิเคราะห์เหตุผล ข้อเท็จจริง พิจารณาความเป็นไปได้ของอันตรายที่อาจจะได้รับจากผลิตภัณฑ์ที่มาจากผลพลอยได้จากมันสำปะหลัง เช่น ผลิตภัณฑ์นั้นๆผ่านการกระบวนการผลิตความร้อนโดยใช้เวลาที่ได้รับมาตรฐานหรือไม่?? มีผลปฏิบัติการทดสอบการรับรองเชิงวิจัยก่อนนำไปผลิตและจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงหรือไม่?? มีมาตรฐานการทดสอบความปลอดภัยที่เข้มงวดและการติดฉลากแสดงค่าอุณหภูมิความร้อนและเวลาในการผลิตหรือไม่?? มีฉลากภาษาไทยตามข้อกำหนดสคบ.หรือไม่?? ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจจะเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์สินค้ายกระดับมาตรฐานความรับผิดชอบและความปลอยภัยของสินค้าในอนาคตอันใกล้
.

5. สรุป (Conclusion)

กากเหลือจากการแปรรูปมันสำปะหลัง เช่น เปลือก ใบ ราก จำเป็นต้องได้รับการแปรรูปอย่างถูกต้องเพื่อกำจัดไซยาไนด์และรับรองความปลอดภัยสำหรับการประยุกต์ใช้ทั้งในผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับบริโภค (Food) และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (Non-Food) แต่มีการสัมผัสทางผิวหนัง สูดดม หรือกลืน เช่น ทรายแมวมันสำปะหลัง ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ทรายแมวที่ทำจากมันสำปะหลังนั้น แม้จะมุ่งเน้นใช้วัตถุดิบธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน เป็นแนวทางที่ดีแต่ก็อาจมีความเสี่ยงทาง พิษวิทยา (Toxicological Risk) ซึ่งอาจมาจากสารตกค้างที่ไม่ได้บำบัดหรือผ่านการแปรรูปที่ไม่ถูกต้อง ผู้ผลิตและผู้บริโภคควรให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีกระบวนการลดพิษที่ได้รับการรับรอง (Certified Detoxification Processes) และการติดฉลากที่แจกแจงอุณหภูมิและเวลาที่ใช้ผลิต มีข้อมูลเชิงประจักษ์อันปราศจากความเห็นโน้มเอียง เช่น ผลทดสอบจากห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) เปรียบเทียบค่ามาตรฐานสารไซยาไนด์ว่าอยู่ในระดับปลอดภัยหรือไม่ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงว่าการผลิตสินค้าล็อตผลิตนั้นๆอย่างชัดเจนว่าสินค้าอยู่ในระดับที่ปลอดภัยในการบริโภค โดยผู้บริโภคสามารถขอจากผู้จำหน่ายได้เพื่อพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ
.
บรรณานุกรม (References)

Cardoso, A. P., Mirione, E., Ernesto, M., Massaza, F., Cliff, J., Haque, M. R., & Bradbury, J. H. (2005). Processing of cassava roots to remove cyanogens. Journal of Food Composition and Analysis, 18(5), 451460.
.
Ernesto, M., Cardoso, A. P., Nicala, D., Mirione, E., Massaza, F., Cliff, J., & Bradbury, J. H. (2000). Persistent konzo and cyanide toxicity from cassava in northern Mozambique.1 Acta Tropica, 82(3), 357362.
.
FAO (2013). Save and Grow: Cassava A Guide to Sustainable Production Intensification. Food and Agriculture Organization of the United Nations.
.
Montagnac, J. A., Davis, C. R., & Tanumihardjo, S. A. (2009).
.
Nutritional value of cassava for use as a staple food and recent advances for improvement. Comprehensive Reviews in Food Science and Food Safety, 8(3), 181194.
.
National Institutes of Health (2021). Cyanide Toxicity and Dietary Sources. NIH Toxicology Data Network.
.
World Health Organization (2012). Cyanogenic glycosides in cassava and bamboo shoots: Safety evaluation of certain food additives and contaminants. WHO Food Additives Series 65.

.

ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี (1995) Bulletin (July - August 1995 Vol.3 No.2)


ข้อความสงวนลิขสิทธิ์
เนื้อหาและบทความที่ปรากฏบนเว็บไซต์นี้ ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ และสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ของภูมิภาคที่บริษัทฯ จดทะเบียนอยู่

ท่านอาจดาวน์โหลด หรือพิมพ์ส่วนใดส่วนหนึ่งของเว็บไซต์นี้ได้ เพื่อการใช้งานส่วนบุคคล โดยท่านตกลงที่จะเก็บบรรดาข้อความซึ่งเกี่ยวกับการแสดงถึงลิขสิทธิ์และสิทธิในความเป็นเจ้าของอื่นใดที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้ไว้ด้วย ท่านจะไม่ทำซ้ำข้อมูลใดๆ จากเว็บไซต์นี้ (ทั้งหมดหรือบางส่วน) ปรับปรุง ดัดแปลง แก้ไข หรือส่งต่อ หรือใช้เพื่อการพาณิชย์ โดยไม่แจ้งบริษัทฯ และได้รับอนุญาตอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร


บทความที่เกี่ยวข้อง
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy